วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2555




ความหมายของ  Search Engine

  Search Engine คือ เครื่องมือการค้นหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต ที่ทุกคนสามารถหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตก็ได้ โดยกรอกข้อมูลที่ต้องการค้นหา หรือ Keyword (คีย์เวิร์ด) เข้าไปที่ช่อง Search Box แล้วกด Enter ข้อมูลที่เราค้นหาก็จะถูกแสดงออกมาอย่างมากมาย เพื่อให้เราเลือกข้อมูลตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด โดยลักษณะการแสดงผลของ Search Engine นั้นจะทำการแสดงผลแบบ เรียงอันดับ Search Results ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ 
 ประโยชน์ของ Search Engine
ค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้สะดวกรวดเร็ว และถูกต้อง
ค้นหาข้อมูลแบบเจาะลึกได้ เช่น blog seo หนัง รูป หนังสือ เป็นต้น
รองรับการค้นหาได้หลายภาษา

        Google.com เป็น Search Engine ตัวหนึ่ง (หรือจะเรียก ที่หนึ่ง ก็ได้) ซึ่งหากเราเราจะเรียกแบบบ้าน ๆ ตามประสาคนท่องเว็บแล้ว Search Engine ก็คือ เครื่องมือในการค้นหาข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตนั่นเอง นอกจาก Google แล้วยังมี Search Engine อีกหลาย ๆ ที่ ซึ่งดัง ๆ ที่เราพอจะคุ้นตาคุ้นหูอยู่บ้างก็อาทิเช่น Yahoo MSN เป็นต้น 

        ซึ่งในปัจจุบันหากให้เดาเพื่อน ๆ คงจะพอเดาถูกว่า Search Engine ที่ดังที่สุด (มีคนใช้เยอะสุด ๆ) ก็คือ Search Engine พระเอกที่ชื่อว่า Google.com นั่นเอง ซึ่งเป็น Search Engine ที่มีคนใช้เยอะมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่มีให้บริการมาไม่กี่ปีนี่เอง เปิดบริการมาไม่นานก็แซงหน้าขาใหญ่เดิมอย่าง Yahoo ไปชนิดที่เรียกว่ามองแทบไม่เห็นฝุ่น ก็เพราะว่าด้วยรูปแบบที่ใช้งานง่าย และรวดเร็วนั่นเอง แถมเป็นภาษาไทยด้วย ยิ่งถูกใจคนไทยเป็นอย่างยิ่ง 
        ซึ่งปรากฏการ google ฟรีเว่อร์นี้เอง ที่ทำให้คนส่วนหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็น Webmaster หันมาทำ SEO เจาะที่ Search Engine ที่มีชื่อว่า Google กันอย่างถล่มทะลาย
พูดไปเรื่องของ SEO แต่ล่ะที่ ที่ดัง ๆ ไปแล้ว เราก็มารู้เรื่องเกี่ยวกับประเภทของ Search Engine กันซักหน่อย ซึ่ง Search Engine ก็มีอยู่หลาย ๆ ประเภท ดังนี้
1. แบบอาศัยการเก็บข้อมูลเป็นหลัก (Crawler-Based Search Engine)
        หลักการนี้เป็นการใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Crawler-Based Search Engine เป็นเครื่องมือที่ทำการบันทึกและเก็บข้อมูลเป็นหลัก ซึ่งเป็นประเภท Search Engine ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน        ซึ่งการทำงานประเภทนี้ จะใช้โปรแกรมตัวเล็ก ๆ ที่เรียกว่า Web Crawler หรือ Spider หรือที่เรียกอีกอย่างว่า Search Engine Robots หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า บอท ในภาษาไทย www คือเครือข่ายใยแมงมุม ตัวโปรแกรมเล็ก ๆ ตัวนี้ก็คือแมงมุมนั่นเอง โดยเจ้าแมงมุมตัวนี้จะทำการไต่ไปยังเว็บไซต์ต่าง ๆ ทั่วโลกอินเตอร์เน็ต โดยอาศัยไต่ไปตาม URL ต่าง ๆ ที่มีการเชื่อมโยงอยู่ในแต่ละเพจ แล้วทำการ Spider กวาดข้อมูลที่จำเป็นต่าง ๆ (ขึ้นอยู่กะ Search Engine แต่ละที่ว่าต้องการเก็บรวบรวมข้อมูลอะไรบ้าง) แล้วเก็บลงฐานข้อมูล การใช้โปรแกรมกวาดข้อมูลแบบนี้ จึงทำให้ข้อมูลที่ได้มีความแม่นยำ และสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลได้เร็วมาก Search Engine ที่เป็นประเภทนี้ เช่น Google Yahoo MSN
2. แบบสารบัญเว็บไซต์ (Web Directory)
        Search Engine ที่เป็นแบบนี้มีอยู่หลายเว็บไซต์มาก ๆ ที่ดังที่สุดในเมืองไทย ที่เอ่ยออกไปใครใครคงต้องรู้จัก นั้นก็คือที่สารบัญเว็บของ Sanook.com ซึ่งหลาย ๆ คนคงเคยเข้าไปใช้บริการ หรืออย่างที่ Truehits.com เป็นต้น        ที่เราจะสังเกตเห็นจาก Search Engine ประเภทนี้ก็คือ ลักษณะของการจัดเก็บข้อมูลที่แสดงให้เราเห็นทั้งหมด ว่ามีเว็บอะไรบ้างอยู่ในฐานข้อมูล ซึ่งแตกต่างจากประเภทแรก ที่หากคุณไม่ค้นหาโดยใช้คำค้น หรือ Keyword แล้ว คุณจะมีทางทราบเลยว่ามีเว็บไซต์อะไรอยู่บ้าง และมีเว็บอยู่เท่าไหร่แบบสารบัญเว็บไซต์ จะแสดงข้อมูลที่รวบรวมเว็บไซต์ที่มีทั้งหมดในฐานข้อมูล และจะแบ่งเป็นหมวดหมู่ และอาจจะมีหมวดหมู่ย่อย ซึ่งผู้ค้นหาข้อมูลสามารถคลิกเข้าไปดูได้
        หลักการทำงานแบบนี้ จะอาศัยการเพิ่มข้อมูลจากเจ้าของเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ต้องการประชาสัมพันธ์เว็บ หรืออาจใช้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลส่วน Search Engine เป็นผู้หาข้อมูลเว็บไซต์มาเพิ่มในฐานข้อมูล ซึ่งข้อมูลในส่วนของสารบัญเว็บไซต์จะเน้นในด้านความถูกต้องของฐานข้อมูล ซึ่งข้อมูลเว็บไซต์ที่ถูกเพิ่มเข้ามาจะถูกตรวจสอบและแก้ไขจากผู้ดูแล
3. แบบอ้างอิงในคำสั่ง Meta Tag (Meta Search Engine )
        Search Engine ประเภทนี้จะอาศัยข้อมูลใน Meta tag (อยากรู้ดูในบทความหน้า) ซึ่งเป็นส่วนของข้อมูลที่อยู่ในแท็ก HEAD ของภาษา HTML ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้ จะเป็นส่วนที่ให้ข้อมูลกับ Search Engine Robots   Search Engine ประเภทนี้ไม่มีฐานข้อมูลของตนเอง แต่จะอาศัยข้อมูลจาก Search Engine Index Server ของที่อื่น ๆ ซึ่งข้อมูลจะมาจาก Server หลาย ๆ ที่ ดังนั้น จึงมักได้ผลลัพธ์จากการค้นหาที่ไม่แม่นยำ

Search Engineที่นิยมใช้ในปัจจุบันได้แก่

http://www.sanook.com/
http://www.google.co.th/
http://www.google.com 
http://www.yahoo.com/
http://www.msn.com/
http://www.live.com 
http://www.baidu.com 
http://www.ask.com

สัดส่วนของผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา 

1. กูเกิล (Google) 36.9%
2. ยาฮูเสิร์ช (Yahoo! Search) 30.4%
3. เอ็มเอสเอ็นเสิร์ช (MSN Search) 15.7%

นอกจากด้านบน เว็บอื่น ๆ ที่เป็นที่นิยมได้แก่

-     เอโอแอล (AOL Search)
-     อาส์ก (Ask)
-     เอ 9 (A9)
-     ไป่ตู้ (Baidu, 百度) เสิร์ชเอนจิน อันดับ 1 ของประเทศจีน

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

     ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
-รูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน
-พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
-การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสานสนเทศกับการเรียนการสอน


รูปแบบเทคโนโลยีสารสนเทศในปัจจุบัน
เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถจำแนกตามลักษณะการใช้งานได้เป็น 6 รูปแบบ ดังต่อปัยนี้ คือ
1.เทคโนโลยีที่ใช้ในการเก็บข้อมูล เช่น ดาวเทียม ถ่ายภาพทางอากาศ, กล้องดิติทัล, กล้องถ่ายวีดีทัศน์, เครื่องเอกซเรย์
2.เทคโนโลยีที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล
   เป็นสื่อบันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น เทปแม่เหล็ก,จานแม่เหล็ก,จานแสงหรือจานเลเซอร์,บัตรเอทีเอ็ม
3.เทคโนโลยีที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล ได้แก่ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
4.เทคโนโลยีที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูล เช่นเครื่องพิมพ์,จอภาพ, พลอตเตอร์,และอื่นๆ
5.เทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดทำสำเนาเอกสาร เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร,เครื่องถ่ายไมโครฟิล์ม
6.เทคโนโลยีสำหรับถ่ายทอดหรือสื่อสารข้อมูลได้แก่ ระบบโทรคมนาคมต่างๆ เช่น โทรทัศน์,วิทยุกระจายเสียง,โทรเลข,เทเล็กซ์ และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งระยะใกล้และระยะไกล

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสานสนเทศ

ตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ มีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งในทางธุรกิจ และทาง การศึกษา ดังตัวอย่างเช่น
-ระบบเอทีเอ็ม
-การบริการและการทำธุรกรรมบนอินเทอร์เน็ต
-การลงทะเบียนเรียน

พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร
     การแสดงออกทางความคิดและความรู้สึกในการใช้รูปแบบของเทคโนโลยีทุกประเภท ที่นำมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการจัดหา จัดเก็บ สร้างและเผยแพร่สารสนเทศในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ ภาพ ข้อความ หรือ ตัวอักษร ตัวเลขและภาพเตรื่อนไหว เป็นต้น

การใช้อินเทอร์เน็ต
    การวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของนักศึกษาในสถาบันศึกษาพบว่านักศึกษาส่านใหญ่ใช้อินเทอรืเน็ตเพื่อความบันเทิง เนื่องจากเห็นว่ามีความสะดวกในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น ในขณะที่การใช้อินเทอร์เน็ตของนักศึกษาในระดับอุดมศึกษาส่วนใญ่ใช้เพื่อการเรียนรู้ การติดตามข่าวสารของสถานศึกษา


ใช้อินเตอร์เน็ต  ทำอะไรได้บ้าง ?
งานวิจัยชี้ว่า  นักศึกษาใช้อินเตอร์เน็ตในการสนทนากับเพื่อนๆ  และการค้นข้อมูลจากห้องสมุด

นอกจากนี้งานวิจัยยังชี้ว่า  นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศรูปแบบต่างๆ  เพื่อเพิ่มพูนความรู้ และประกอบการทำรายงาน

สถานที่ที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
งานวิจัยพบว่า  นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้คอมพิวเตอร์ที่บ้าน  และมีการใช้อินเตอร์เน็ตที่ห้องสมุดของสถาบัน

นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีการใช้หรือมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศน้อยในรูปแบบไหนบ้าง ?
งานวิจัยชี้ว่า  นักศึกษามีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเหล่านี้น้อย  ได้แก่  ฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์  การเรียนรู้แบบออนไลน์ ( e-learning )  วีดิทัศน์ตามอัธยาศัย  ( video  on  Demand )  หนังสืออิเล็กทรอนิกส์  และบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
-       การเรียนรู้แบบออนไลน์ ( e-learning )
-       บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  ( Computer  Assisted  Intruction - CAI )  หรือ   ( Computer  Aide  Intruction  )
-       วีดิทัศน์ตามอัธยาศัย  ( Video  on  Demand  -  VOD)
-       หนังสืออิเล็กทรอนิกส์  ( e - Books )
-       ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์  ( e - Library )

การเรียนรู้แบบออนไลน์ ( e-learning )
        เป็นการศีกษา  เรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์  อินเตอร์เน็ต  ( Internet )  หรือ  อินทราเน็ต  ( Intranet )  เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเองตามความสามารถและความสนใจของตน  โดยเนื้อหาของบทเรียนประกอบด้วย  ข้อความ  รูปภาพ  เสียง  วิดืโอและมัลติมีเดียอื่นๆ  จะถูกส่งไปยังผู้เรืยนผ่านเว็บบราวเซอร์  ( Web Browser )  โดยผู้เรียนผู้สอนและเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคน  สามารถติดต่อปรึกษา  และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้  เช่นเดียวกับการเรียนในชั้นเรียนปกติโดยอาศัยเครื่องมือการติดต่อสื่อสารมี่ทันสมัยสำหรับทุกคน  โดยผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกเวลาและทุกสถานที่  ( Learning  for  all :  anyone  , anywhere  and  anytime )

บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน  ( Computer  Assisted  Intruction - CAI )

        คือบทเรียนคอมพิวเตอร์ซึ่นำเสนอสารสนเทศที่ได้ผ่านกระบวนการสร้างและพิจรณามาเป็นอย่างดี โดยมีเนื้อหาวิชาหรือสารสนเทศ  แบบฝึกหัด  การทดสอบและการให้ข้อมูลป้อนกลับให้ผู้เรียนได้ตอบสนองต่อบทเรียนได้ตามระดับความสามารถของตนเอง  เนื้อหาวิชาที่นำเสนอจะอยู่ในรูปมัลติมีเดีย  ซึ่งประกอบด้วย  อักษร  รูปภาพ  เสียง  หรือ  ทั้งภาพทั้งเสียง  ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการนำหลักการเบื้องต้นทางจิตวิทยาการเรียนรู้มาใช้ในการออกแบบโดยอาศัยพฤติกรรมการเรียนรู้  ( Learning  Behavior )  ทฤษฎีการเสริมแรง  ( Reinforcement  Theory )  ทฤษฏีการวางเงื่อนไขปฏิบัติ  ( Operant  Conditioning  Theory )  ซึ่งถือว่าความสัมพันธ์ระหว่าสิ่งเร้ากับการตอบสนองและการเสริมแรงเป็นสิ่งสำคัญ โดยมีจุดมุ่งหมายนำผู้เรียนไปสู่การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ  ซึ่งอาศัยการสอนที่มีการวางโปรแกรมไว้ล่วงหน้า เป็นการให้ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและมีผลย้อนกลับทันทีและเรียนรู้ไปทีละขั้นตอนอย่างเหมาะสมตามความต้องการและความสามารถของตน

วีดิทัศน์ตามอัธยาศัย  ( Video  on  Demand  -  VOD)

        คิอระบบการเรียกดูภาพยนต์ตามสั่งที่อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกดูภาพยนต์หรือข้อมูลภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงได้ตามต้องการ  ตามสโลแกนที่ว่า  " To view what one wants , when one wants "   โดยสามารถใช้งานนี้ได้จากเครือข่ายสื่อสาร  ( Telecommunication  Networks )  ผู้ใช้งานซึ่งอยู่หน้าเครื่องลูกข่าย  ( Video  Client )  สามารถเรียกดูข้อมูลที่เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ทุกเมือตามต้องการและสามารถควบคุมข้อมูลวิดีโอนั้นๆ  โดยสามารถย้อนกลับ ( Rewind )  หรือกรอไปข้างหน้า      ( Forward )  หรือหยุดชั่วคราว  ( Pause )  ได้  เปรียบเสมือนการดูวิดีโอที่บ้านนั่นเองทั้งนี้เครื่องคอมพิวเตอร์ลูกข่ายไม่จำเป็นต้องดูข้อมูลเดียวกัน  กล่าวคือสามารถดูภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน  หรือต่างกันได้



หนังสืออิเล็กทรอนิกส์  ( e - Books )

        คือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอ่านได้ทางอินเตอร์เน็ต  โดยมีเครื่องมือที่จำเป็นในการอ่านหนังสือประเภทนี้คือ  ฮาร์ดแวร์  ประเภทเครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณือิเล็กทรอนิกส์พกพาอื่นๆ  พร้อมทั้งติดตั้งระบบปฏิบัติการหรือซอฟแวร์ที่ใช้ในการอ่านข้อความต่างๆ  ตัวอย่างเช่น  อิอร์แกไนเซอร์แบบพกพา  พีดีเอ  เป็นต้น  ส่วนการดึงข้อมูล  e - Books  ซึ่งจะอยู่บนเว็บไซต์ที่ให้บริการทางด้านนี้มาอ่านก็จะใช้วิธีการดาวน์โหลดผ่านทางอินเตอร์เน็ตเป็นส่วนใหญ่  ลักษณะไฟล์ของ  e-Books  จะสามารถเลือกได้  4  รูปแบบ คือ  Hyper  Text  Markup  Language  (  HTML )   ,  Portable  Document  Format  ( PDF )  ,  Peanut  Markup  Language  ( PML )   และ  Extensive  Markup  Language  ( XML )

ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์  ( e - Library )

        เป็นแหล่งความรู้ที่บันทึกข้อมูลไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายและให้บริการสารสนเทศทางอิเล็กทรอนิกส์หรือผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

คุณลักษณะที่สำคัญของห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์มีดังนี้คือ
1.      การจัดการทรัพยากรสารสนเทศด้วยคอมพิวเตอร์
2.      ความสามารถในการเข้าถึงสารสนเทศโดยทางอิเล็กทรอนิกส์
3.      บรรณารักษ์หรือบุคคลากรของห้องสมุดสามารถแทรกการติดต่อระหว่างผู้ใช้กับห้องสมุดได้  เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ได้ดดยทางอิเล็กทรอนิกส์
4.      ความสามารถในการจัดเก็บ  รวบรวมและนำส่งสารสนเทศสู่ผู้ใช้โดยผ่านอิเล็กทรอนิกส์







วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555


  สารสนเทศ

ความหมายของสารสนเทศ
          สารสนเทศ หมายถึง ข่าวสารที่สำคัญเป็นระบบข่าวสารที่กำหนดขึ้น และจัดทำขึ้น ภายในองค์กรต่างๆ ตามความต้องการของเจ้าของหรือผู้บริหารองค์กรค์นั้นๆ
          สารสนเทศ ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า Information หมายถึงความรู้ที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า สารสนเทศที่เป็นความรู้และข่าวสารที่สำคัญที่มีลักษณะพิเศษ ทั้งในด้านการได้มาและประโยชน์ในการนำไปใช้และปฏิบัติ
สารสนเทศมีความตามที่ได้มีการให้คำจำกัดความที่ใกล้เคียงกัน ดังนี้          สารสนเทศ หมายถึงข้อมูลทางด้านปริมาณและทางด้านคุณภาพที่ประมวลจัดหมวดหมู่ เปรียบเทียบ และวิเคราะห์แล้วสามารถนำมาใช้ได้ หรือนำมาประกอบการพิจารณาได้สะดวกกว่าและง่ายกว่า
เทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไรเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือไอที (IT=Information and communication Technology)
เป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อสังคมในปัจจุบันมีความเกี่ยวข้องกับการจัดเก็บ การประมวลผล และการแสดงผลสารสนเทศ
องค์ประกอบหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศ
        เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 2 ส่วนคือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการสื่อสารคมนาคม(Telecommunication Technology)
1.) เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
     คอมพิวเตอร์จัดเป็เทคโนโลยีหลักของเทคโนโลยีสารสนเทศในยุคปัจจุบันเนื่องจากคอมพิวเตอร์มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งด้านการบันทึก การจัดเก็บ การปะมวลผล การแสดงผลและการสืบค้นหาข้อมูลสารสนเทศเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์แบ่งเป็นเทคโนโลยีย่อยที่สำคัญได้ 2 ส่วน คือเทคโนโลยีฮาร์ดแแวร์และเทคโโลยี ซอฟต์แวร์
1.1) เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ หมายถึงอุปกรณ์ทุกชนิดที่ประกอบขึ้นเป็นตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ต่อพ่วงเชื่อมโยงจำแนกตามหน้าที่การทำงานออกเป็น 4 ส่วน คือ
1 หน่วยรับข้อมูล
2 หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู : CPU(Central Processsing unit)
3 หน่วยแสดงผลข้อมูล (Output Unit)
4หน่วยความจำสำรอง (Secondary Storage Unit)
1.2) เทคโนโลยีซอฟต์แวร์ (Software)
หมายถึงโปรแกรมหรือชุดคำสั่ง ที่ทำหน้าที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามผู้ใช้ต้องการ
        ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1 ) ซอฟต์แวร์ระบบ (System software) หรือชุดคำสั่งที่ทำหน้าที่สั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ทำงานตามคำสั่ง
2 ) ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software) คือชุดคำสั่ง ที่ผู้ใช้ส่งเข้าสู่คอมพิวเตอร์เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ผู้ใช้ต้องการ
2. เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม
    หมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันทั่วไป เช่น ระบบโทรศัพท์ ระบบดาวเทียม ระบบเครือข่ายเคเบิล และระบบสื่อสารอื่นๆ ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน
                                               ความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
- แผนพัฒนาเศรฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 4 (2520-2524) การมีส่วนร่วมของสารสนเทศเพื่อการศึกษา
- มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานและปฏิบัติการของระบบสารสนเทศเพื่อการศึกษาขึ้น
-ในแผนพัฒนาเศรฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 ก็ได้เห็นความสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษามากขึ้น
- ในแผนพัฒนาเศรฐกิจที่ 9 มีการจัดทำแผนหลักเพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อจัดการการศึกษา

•แผนพัฒนาฯข้างต้นทำให้เทคโนโลยีสารสนเทศมีความสำคัญต่อวงการศึกษาของประเทศไทยมากขึ้น จะทำให้การศึกษาของชาติมีความเท่าเทียม ทั่วถึง มีคุณภาพ และมีความต่อเนื่อง ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างคุ้มค่า
•พัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา

   ยุคที่ 1 การประมวลผลข้อมูล) มีวัตถุประสงค์เพื่อการคำนวณและการประมวลผลข้อมูลของรายการประจำ (Transaction Processing) เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร
ยุคที่ 2 ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการ  มีการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการตัดสินใจ ควบคุม ดำเนินการ ติดตามผลและวิเคราะห์ผลงานของผู้บริหารระดับต่าง ๆ
•ยุคที่ 3 การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ มีการใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเรียกใช้สารสนเทศที่จะช่วยในการตัดสินใจนำหน่วยงานไปสู่ความสำเร็จ
•   ยุคที่ 4 ยุคปัจจุบัน หรือยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ  มีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์และระบบการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นเครื่องมือช่วยในการจัดทำระบบสารสนเทศ และเน้นความคิดของการให้บริการสารสนเทศแก่ผู้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นวัตถุประสงค์สำคัญ
•ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา
   1. ให้ความรู้ ทำให้เกิดความคิดและความเข้าใจ
   2. ใช้ในการวางแผนการบริหารงาน
   3. ใช้ประกอบการตัดสินใจ
   4. ใช้ในการควบคุมสถานการณ์ หรือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
   5. เพื่อให้การบริหารงานมีระบบ
สรุป
 
    การนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ในวงการศึกษามีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศประเภทต่างๆ เช่น ดาวเทียมสื่อสาร ใยแก้วนำแสง อินเทอร์เน็ต ก่อให้เกิดระบบคอมพิวเตอร์สำหรับการบริหารงานในสถานศึกษาด้านต่างๆ  เช่น ระบบบริหารจัดการห้องสมุด  และระบบคอมพิวเตอร์เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอน เช่น  ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอน การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษายังช่วยให้เกิดการลดความเหลื่อมล้ำของโอกาสทางการศึกษาการเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพทางการศึกษาพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ทางด้านเทคโนโลยี

- ในแผนพัฒนาเศรฐกิจที่ 9 มีการจัดทำแผนหลักเพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อจัดการการศึกษา
วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู
Information and Communication Technology for Teachers
รหัส PC54504   3(2-2-5)



    คำอธิบายรายวิชา
                 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ ความก้าหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เช่น ไมโครคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบการสื่อสารข้อมูลระบบเน็ตเวิร์ก
ระบบซอฟต์แวร์ การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ เครื่ิงมือการเข้าถึงสารสนเทศทักษะการเข้าถึงสารสนเทศ ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์และการอ้างอิง ฝึกปฏิบัติการ สามารถใช้คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐานและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Assignment 1


1 จงอธิบายความหมายของคำต่อไปนี้ตามความเข้าใจของนักศึกษาเอง

1.1 เทคโนโลยี   หมายถึง   สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อให้สะดวกสบาย

1.2 เทคโนโลยีสารสนเทศ  หมายถึง   เทคโนโลยีสำหรับการประมวล แปลง การรับ ส่ง ข้อมูล ารณ์

1.3 เทคโนโลยีการสื่อสาร   หมายถึง   สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อช่วยในการทำงานเป็นเครื่องมือใหม่ๆ


2 Cyber  Bully   หมายถึงอะไร  หรือปรากฎการณ์ใด  จงอธิบายพร้อมทั้งยกตัวอย่าง

-การทำร้ายกันทางอินเตอร์เน็ต  การรังแกระหว่างเด็กด้วยการผ่านสื่อไซเบอร์

ยกตัวอย่าง
เช่น  อีเมล์,การส่งข้อความ,เกมในเว็บไซด์,โทรศัพท์